ก่อนอื่นต้องขอ อารัมภบทนิดหนึ่งนะครับว่าเหตุใดถึงหยิบยกหัวข้อนี้มาเขียน ซึ่งที่จริงแล้วสัญญากับพี่แต็บใว้ว่าจะเขียนเรื่องตลกๆให้พี่ได้อ่านก่อน แต่บังเอิญเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ที่ ผ่านมานั้น ผมมีความรู้สึกตื้นตันที่ได้รับโทรศัพท์จากลูกศิษย์ที่น่ารักโทรมาอวยพรวันปีใหม่ที่ผ่านมาตั้งหลายวัน แต่พ่อหนุ่มน้อยก็หาทางออกได้ดีทีเดียวว่า ผมรอให้ถึงวันครูก่อนเพราะจะได้อวยพรทีเดียว 2 อย่างเลย อืม ฉลาดหาทางเอาตัวรอด ถึงแม้จะเป็นโทรศัพท์สายเดียวที่มีเข้ามาแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกมีความภูมิใจที่ครั้งหนึ่งเราเคยให้ควมารู้กับอนาคตของชาติกับเขาด้วยนะ
หากย้อนไปเมื่อปี 2540-2541 ในยุคนั้นเป็นยุคเรืองรองของวงการครู เพราะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและหลักสูตรทางการศึกษา มีการขยายโอกาสทางการศึกษา และขยายโรงเรียน ดังนั้นบัณฑิตที่จบด้านการศึกษาจึงโชคดีกว่าใครเพื่อนที่มีงานรองรับแทบจะทั่วประเทศ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่มุ่งมั่นกับอาชีพครูอย่างจริงจัง แต่เนื่องจากปีแรกที่จบการศึกษา ทางกระทรวงยังไม่เปิดสอบบรรจุ ผมและเพื่อนๆจึงสมัครสอบเข้าเป็นครูที่โรงเรียนเอกชนแทน เพื่อที่จะรอสอบบรรจุเป็นข้าราชการตามที่ตั้งใจใว้แต่ต้น 4 พฤษภาคม 2541 ผมได้เข้าเป็นครูสอนที่โรงเรียนโสมาภานุสสรณ์ ย่านรามคำแหง เป็นโรงเรียนเอกชนมีชื่ออันดับ 1 ย่านนี้ แรกๆที่เข้ามาสอนรู้สึกว่าเด็กๆที่นี่เหมือนไม่ใช่เด็กประถมเลย เพราะเราจะชินกับเด็กประถมตามต่างจังหวัดที่เราจากมามากกว่า ที่ ไร้เดียงสา และไม่ประสีประสาอะไรเลย ผมรับผิดชอบสอนวิชาภาษาอังกฤษ ป.2 ฟังดูเหมือนง่ายๆ โฮ ไรนี่ให้สอน ป2 เองหรอ (แอบคิดในใจ) แต่พอได้ดูคู้มือแล้ว พระเจ้า นี่มันป.2 หรือ ม.2 กันแน่เพราะเนื้อหามันหนักมาก หนักเกินเด็ก ป.2 จะรับได้ แต่ที่หนักกว่านั้คือ ครูใหม่หัดสอนอย่างเราจะทำอย่างไรให้เด็กๆเรียนแล้วเข้าใจ และต้งใจเรียน ซึ่งภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่เด็กๆไม่ชอบเรียนอยุ่แล้ว วันแรกที่สอนเด็กๆก็จะตื่นเต้นเพราะคงยังไม่เคยสอนมาก่อนเลย อาศัยคำแนะนำจากรุ่นพี่ที่พอจะนำมาปรับใช้ได้บ้าง ผมโชคดีที่สามารถปรับตัวเข้ากับเด็กๆ ได้และเด็กๆก็สนุกกับการเรียน อาจมีบ้างบางคนที่เบื่อ ขี้เกียจ ซึ่งมันก็มีทุกที่นะ จะดีหมด 100 % คงหายาก ผมโชคดีที่สามารถผ่านวิกฤตต่างๆมาได้ และโชคดีมากๆที่ผมได้รับความใว้วางใจให้ ตามเด็กกลุ่มนี้ถึง 3 ปี ซ้อน แต่คงเป็นโชคร้ายของเด็กที่เจอครูหน้าเดิมอย่างครู นะ 555 ช่วยไม่ได้ ก็อยากรักครูนะครูนะก็ตามแบบนี้แหละ ตลอดระยะวลาที่ผมอยู่โสมาภานุสสรณ์ ที่นี่ได้ให้ประสบการณ์ที่ดีมากมายได้รับความเมตตาจากผู้บริหาร ความรักจากเพื่อนร่วมงาน ตลอดจนความใว้ใจจากผู้ปกครอง จนทำให้ผมรู้สึกว่าที่นี่คือบ้านและคงไม่จากไปใหน ผมมีความสุขกับการทำงาน สนุกกับกิจกรรมที่ได้ทำ ทั้งการออกค่าย โดยเฉพาะค่ายภาษาอังกฤษ ( สนุกมากๆ) กิจกรรมชมรม crossword ที่ผมรักมาก ผมกล้าพูดได้เลยว่าเด็กโสมาภานุสสรณ์ในช่วงนั้นสามารถเล่น crossword ได้ หรือรู้จัก การเล่นแทบทุกคน และเด็กๆจะเรียกร้องที่จะเล่นเสมอๆ ฟังดูแล้วผมมีความสุขกับการสอน สนุกกับอาชีพครู แน่นอนครับมันเป็นความผูกพันธ์ของผมมากกว่า แต่แล้วความรุ้สึกต่างๆเหล่านี้มันกลับเปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามทันที ที่กระทรวงได้ประกาศปฎิรูปการหลักสูตรการเรียนการสอนใหม่ ที่เขาเรียกว่า CHILD CENTER นั่นแหละครับ แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังนะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)