วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

พันธมิตร + สุวรรณภูมิ

จะตี1 แล้วเวลานี้หลายๆคนคงกำลังหลับสบาย แต่ในขณะที่ผมและน้องๆอีกไม่กี่คนที่ต้องอดตาหลับขับตานอนนั่งเฝ้าออฟฟิตอยู่และหูก็รอฟังประกาศต่างๆจากทางทีวีบ้าง วิทยุบ้าง ใช่ครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะงานและที่ทำงานผมก็อยุ่ที่นี่ หลายคนบอกว่าก็สนามบินปิดแล้วยังไปทำไมอีก ผมก็อยากบอกว่าไม่อยากมาเหมือนกัน แต่เพราะหน้าที่เราก็ต้องมา ผมอาศัยหลับนอนที่สุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 25 พย2551-26 พย 2551 ซึ่งวันนี้คงเป้นดึกสุดท้ายแล้ว เพราะถ้ามากก่านี้คงตายแน่ๆ เพราะอาการไข้ที่เพิ่งหาย+การอดหลับอดนอน น้องๆหลายคนที่รู้สึกตื่นเต้นกับเหตุการณ์นี้ต่างรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยกับสถาณการณ์ที่เกิดขึ้น เพราระทางการท่าอากาศยานไม่อนุญาตให้เข้าออกสนามบินเลย ตั้งแต่ 3 ทุ่มของวันที่ 25 พย 51 แต่ด้วยความที่เราเป้นพันธมิตรก็พูดเล่นๆว่าไม่ต้องกลัวหรอกน้อง ลุงจำลอง+ลุงสนธิ ไม่ให้ใครทำร้ายพวกเราหรอก 555 ทางผู้บริหารได้ให้เราจัดการหาเสื้อที่มีสีไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใดมาให้พนักงานเปลี่ยนเพื่อให้ทุกคนสมารถเดินทางออกจากสุวรรณภูมิได้ในตอนเช้าของวันที่ 26 รวมทั้งผมด้วย ผมกลับมานอนพักเอาแรงเพื่อที่คืนนี้ต้องมาแสตนบายที่ออฟฟิตอีกคืน แต่ระหว่างนั้นแทบไม่ได้หลับนอนเลยทีเดียวเพราะโทรศัพท์ดังตลอดเวลาจากผู้ที่เป็นห่วงและผู้ที่อยากรู่ข่าวคราวความเคลื่อนใหว ผมก็บอกทุกคนว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ด้วยความที่อยากยืนยันให้ทุกคนได้สบายใจกับเหตุการณืที่เกิดขึ้น คืนนี้ 26 พย 51 ผมจึงขับรถเพื่อไปดูการชุมนุมด้วยตัวเอง แทบไม่เชื่อสายตาเลยว่าสนามบินที่กว้างขวางจะดูคับแคบไปถนัดตา ด้วยฝูงชนที่มีใจเดียวกัน มารวมกันอยุ่ ณ ที่แห่งนี้ ด้วยสีหน้าและแววตาแห่งความมุ่งมั่น ทุกคนจะมองผมแปลกๆ เนื้องจากผมก็ใส้ยูนิฟอร์มของบริษัท และห้อยบัตรพนักงานด้วย หลายคนถามว่ามาจากใหน พอผมบอกว่า ทำงานอยู่ที่นี่แหละครับ ทุกคนต่างยินดี และขอบคุณที่มาเป้นกำลังใจ มาเป้นเพื่อนกัน พร้อมหยิบยื่นอาหารและเครื่องดื่มให้ด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรภาพ ผมเดินไปทางใหนก็เห็นแต่ผู้คนยื่นไม่ยื่นมือทักทายกัน รวมทั้งผมด้วย มันเป้นภาพที่หาดูได้ยากมากที่คนนับหมื่นๆคน มาอยุ่ ณ ที่เดียวกันแต่กลับเหมือนทุกคนเป้นเพื่อนกัน ผมไม่รุว่าด้วยเหตุใด เพราะยิ่งผมใช้เวลาอยู่นานแค่ใหนผมยิ่งรู้สึกผูกพันและรักพวกเขาเหล่านั้นแล้ว เพราะผมได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของพวกเขา หลายคนมาจากต่างจังหวัด และยืนยันว่ามาด้วยใจจริงๆ มีชาวต่างชาติหลายคนที่ติดค้างอยู่ในสนามบินถือโอกาสนี้ ออกมาเดินเที่ยวและร่วมกิจกรรมกับพันธมิตรด้วยความสนุกสนาน ผมได้ถามผูโดยสารท่านหนึ่ง ว่ารู้สึกตกใจกับเหตูการณืที่เกิดขึ้นหรือเปล่า ซึ่งเขาบอกว่าตอนแรกก็ตกใจแต่พอได้เห็นกลุ่มพันธมิตรที่มาชุมนุม แต่งกายด้วยสีเดียวกัน ใบหน้ายิ้มแย้ม และหยิบยื่นอาหารให้แก่เขาเอง เขากลับรู้สึกว่ามันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด และเขายังถือโอกาสนี้เก็บภาพเหล่านี้เป้นความทรงจำของเขาต่อไปโดยปราศจากความกลัวและหวาดระแวงโดยสิ้นเชิง หลายคนอาจมองว่านี่คือความหายนะครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศซึ่งอาจจะใช่ครับ แต่ผมกลับมองว่ามันคุ้มนะกับสิ่งที่เราจะได้จากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ถึงตอนนี้ก็ขอให้ทุกคนที่อาจสาปแช่งพันธมิตรแต่ขอให้คนที่ยังไม่เข้าใจได้ใช้วิจารณญาณอีกสักนิดเพราะพันธมิตรไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิดนะครับ

1 ความคิดเห็น:

Madame Tabb กล่าวว่า...

อ้าว!.."ชีวิตลิขิตเอง" ทั้ง 2 ตอน หายไปไหนคะน้องชาย?
ขอโทษที่ไม่ได้แวะมาเยี่ยมซะนานเลย บังเอิญว่าช่วงนี้สมาธิไม่ค่อยดีน่ะ ก็เลยหาทางออกด้วยการท่องเวบที่เกี่ยวกับกล้วยไม้ไปพลางๆ ตอนนี้ก็สั่งซื้อกล้วยไม้หายากได้หลายชนิดพอสมควรแล้ว
พี่เขียนเรื่อง "มรสุม #2" ค้างเอาไว้ ยังไม่ไปถึงไหนเลย จู่ๆก็คิดอะไรไม่ออกซะงั้น เฮ้อ..!